Thursday, January 27, 2011
ข้าวต้มหมูสับ
ข้าวต้ม เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ทำมาจากข้าว โดยวิธีการทำจะคล้าย ๆ กับการหุงข้าวด้วยหม้อปกติ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ข้าวต้มจะใส่น้ำมากกว่าการหุงข้าวธรรมดา ระยะเวลาในการทำก็จะใกล้เคียงกับการหุงข้าวธรรมดาหรืออาจจะนานกว่า
ข้าวต้มมีหลายประเภทมีทั้งข้าวต้มขาวและข้าวต้มหมู ในบางประเทศอาจใช้ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ หรือนำข้าวไปต้มในนม ถ้าต้มนานเกินไปจะกลายเป็น“โจ๊ก “
โจ๊ก เป็นอาหารที่ทำมาจากข้าวต้มที่ทำให้ละเอียด นิยมรับประทานกันในหลายประเทศในเอเชีย ในบางวัฒนธรรมจะรับประทานโจ๊กเป็นอาหารเช้า หรืออาหารมื้อค่ำแทนอาหารหลักในบางมื้อ โจ๊กสามารถทำได้ทั้งในหม้อธรรมดาหรือหม้อหุงข้าว บางประเทศก็ถือว่าข้าวต้มและโจ๊กก็คืออาหารชนิดเดียวกัน
ประเภทของข้าวต้ม
• ข้าวต้มขาว จะเป็นข้าวต้มธรรมดาและไม่มีรสชาติ มักรับประทานกับกับข้าวหลายๆอย่าง เช่น ไข่เค็ม เป็นต้น
• ข้าวต้มหมู วิธีการหุงจะคล้าย ๆ ข้าวต้มขาว แต่ข้าวต้มหมูจะใส่กระดูกหมูลงไปด้วยทำให้ข้าวต้มหมูมีรสชาติดีกว่า
• ข้าวต้ม 3 กษัตริย์ เป็นเมนูที่คิดค้นขึ้นโดยรัชกาลที่ 5 ระหว่างเสด็จประพาสต้น วิธีทำเหมือนข้าวต้มหมู แต่ไม่ใส่หมู ใส่ปลาทู, ปลาหมึก และกุ้ง แทน
ในวันนี้เราจะนำเสนอข้าวต้มหมู ซึ่งมีส่วนผสม และวิธีทำดังต่อไปนี้
ส่วนผสม
1. ตั้งหม้อด้วยไฟปานกลางใส่น้ำและกระดูกหมูลงไป จนน้ำเริ่มเดือด หากมีฟองขึ้นให้ช้อนฟองทิ้งไป ต้มต่อไปอีกประมาณ 20 นาที
2. ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ใส่ข้าวหอมมะลิลงไป ตามด้วยซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ และคนอร์ก้อนหรือผงรสดีรสหมูลงไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หมั่นคนเป็นระยะๆ ไม่เช่นนั้นข้าวจะไหม้ติดก้นหม้อได้3. ระหว่างรอข้าวให้สุก ตั้งกระทะน้ำมันด้วยไฟปานกลางจนร้อน ใส่หอมแดงซอยลงไปเจียวก่อนจนเหลือง ตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน
4. ใช้น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมเพื่อเจียวกระเทียม หลังจากที่กระเทียมเริ่มเหลืองให้ใส่หมูสับ ลงไปผัดด้วยกัน ตามด้วยซีอิ้วขาว 1 ช้อนโตีะที่เหลือ ผัดจนหมูสับแห้งและมีสีน้ำตาลเข้ม จึงตักส่วนผสมที่สุกใส่หม้อต้มข้าว คนให้เข้ากัน ต้มต่อไปเรื่อยๆ จนข้าวสุกดี จึงปิดเตา
5. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมเจียว ผักชี ต้นหอม คื่นช่าย และพริกไทยป่นลงไป
6. เสิร์ฟร้อนๆ ( การทำข้าวต้มชนิดนี้หากทำเสร็จแล้ว ควรรับประทานทันที หากทิ้งไว้ข้าวจะ เหนียว และไม่มีน้ำซุปทำให้ไม่อร่อย ) คนให้เข้ากัน ชิมรสหากไม่เค็มให้ใส่ซีอิ้วขาวตามใจชอบ
ประเภทของข้าวต้ม
• ข้าวต้มขาว จะเป็นข้าวต้มธรรมดาและไม่มีรสชาติ มักรับประทานกับกับข้าวหลายๆอย่าง เช่น ไข่เค็ม เป็นต้น
• ข้าวต้มหมู วิธีการหุงจะคล้าย ๆ ข้าวต้มขาว แต่ข้าวต้มหมูจะใส่กระดูกหมูลงไปด้วยทำให้ข้าวต้มหมูมีรสชาติดีกว่า
• ข้าวต้ม 3 กษัตริย์ เป็นเมนูที่คิดค้นขึ้นโดยรัชกาลที่ 5 ระหว่างเสด็จประพาสต้น วิธีทำเหมือนข้าวต้มหมู แต่ไม่ใส่หมู ใส่ปลาทู, ปลาหมึก และกุ้ง แทน
ในวันนี้เราจะนำเสนอข้าวต้มหมู ซึ่งมีส่วนผสม และวิธีทำดังต่อไปนี้
ส่วนผสม
- ข้าวหอมมะลิ 2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง
- กระดูกหมู 200 กรัม
- หมูสับ 200 กรัม
- กระเทียมโขลก 10 กลีบ
- หอมแดงซอยละเอียด 3-4 หัว
- คนอร์ก้อนรสหมู ½ ก้อน หรือผงรสดีรสหมู 1 ½ ช้อนชา
- ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักชี ต้นหอม คื่นช่ายซอยละเอียด อย่างละ ¼ ถ้วยตวง
- พริกไทยดำป่น สำหรับโรยหน้า
1. ตั้งหม้อด้วยไฟปานกลางใส่น้ำและกระดูกหมูลงไป จนน้ำเริ่มเดือด หากมีฟองขึ้นให้ช้อนฟองทิ้งไป ต้มต่อไปอีกประมาณ 20 นาที
2. ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ใส่ข้าวหอมมะลิลงไป ตามด้วยซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ และคนอร์ก้อนหรือผงรสดีรสหมูลงไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หมั่นคนเป็นระยะๆ ไม่เช่นนั้นข้าวจะไหม้ติดก้นหม้อได้3. ระหว่างรอข้าวให้สุก ตั้งกระทะน้ำมันด้วยไฟปานกลางจนร้อน ใส่หอมแดงซอยลงไปเจียวก่อนจนเหลือง ตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน
4. ใช้น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมเพื่อเจียวกระเทียม หลังจากที่กระเทียมเริ่มเหลืองให้ใส่หมูสับ ลงไปผัดด้วยกัน ตามด้วยซีอิ้วขาว 1 ช้อนโตีะที่เหลือ ผัดจนหมูสับแห้งและมีสีน้ำตาลเข้ม จึงตักส่วนผสมที่สุกใส่หม้อต้มข้าว คนให้เข้ากัน ต้มต่อไปเรื่อยๆ จนข้าวสุกดี จึงปิดเตา
5. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมเจียว ผักชี ต้นหอม คื่นช่าย และพริกไทยป่นลงไป
6. เสิร์ฟร้อนๆ ( การทำข้าวต้มชนิดนี้หากทำเสร็จแล้ว ควรรับประทานทันที หากทิ้งไว้ข้าวจะ เหนียว และไม่มีน้ำซุปทำให้ไม่อร่อย ) คนให้เข้ากัน ชิมรสหากไม่เค็มให้ใส่ซีอิ้วขาวตามใจชอบ
Boiled rice with pork
Boiled Rice is a dish made from rice as you might guess; how to make boiled rice is pretty similar to cooking rice with a regular pot. The difference is when making boiled rice we will add more water than when cooking rice. The timing to make boiled rice is similar to cooking rice also, or sometimes may be longer.
There are several types of boiled rice like plain boiled rice and boiled rice with pork. In some countries, people could use oat, wheat, barley or boil the rice in milk too. If cooking boiled rice for a long period of time it will become what we call “Joke”.
Joke is a dish made from cooking rice and water until the rice becomes fine and there is no shape of the rice grain left. This dish (or variations) are popular in many Asian countries. Joke is eaten in some cultures as breakfast or dinner as the main course. Joke is able to be cooked in a regular pot or rice cooker. In some countries, it is considered that rice and Joke are the same foods.
Type of boiled rice
• Plain boiled rice is a plain white rice boiled and tasteless dish. Usually eaten with other dishes like salted egg, etc.
• Boiled rice with pork is similar to plain boiled rice, but boiled rice with pork will have pork bones added to it, so that this kind of boiled rice typically tastes better.
• Three kings boiled rice is a type invented by Rama V during his travels throughout Thailand. It is similar to how to make boiled rice with pork, but instead of adding pork we add mackerel, squid and shrimp into it.
Today we will present you boiled rice with pork. It has ingredients and how to do as follows.
Ingredients
1. Place the pot with water and the pork bones in it over medium heat. Wait until the water starts to boil. If there is foam that starts to form on the surface please scoop it out. The foam will give your broth a bitter taste if you leave it in there. Then let it boil again for about 20 minutes.
2. Reduce the heat down to low heat. Add jasmine rice, follow with 2 Tbsp soy sauce and Knorr cube or Rod Dee (pork flavor). Let it simmer for about 15 minutes. Please stir from time to time otherwise the rice will be burnt and stuck on the bottom of pot.
3. While waiting for the rice to cook. Heat the oil on the pan over medium heat until it hot. Add sliced shallots to fry, when they turn amber yellow, put them aside on the paper towel to absorb the oil.
4. Use the remaining oil after frying the shallots to fry the garlic. Once the garlic starts to turn yellow add the minced pork and the remaining 1 Tbsp soy sauce. Stir fry until the minced pork turns dark brown and dry. Put the cooked ingredients into the boiled rice pot. Stir well, continue until the rice cooks well then and is tender (about 3-5 minutes) and then turn off the stove.
5. Put the boiled rice into a bowl, sprinkle with fried shallots, coriander, green onion, Thai celery, and ground black pepper.
6. Serve hot (this type of boiled rice, it should be eaten immediately after it’s done. If you wait too long the rice will become so sticky and absorb all the soup and it won’t be as tasty as it should be). Mix everything together well and taste, if not salty enough then add more soy sauce as you like.
Type of boiled rice
• Plain boiled rice is a plain white rice boiled and tasteless dish. Usually eaten with other dishes like salted egg, etc.
• Boiled rice with pork is similar to plain boiled rice, but boiled rice with pork will have pork bones added to it, so that this kind of boiled rice typically tastes better.
• Three kings boiled rice is a type invented by Rama V during his travels throughout Thailand. It is similar to how to make boiled rice with pork, but instead of adding pork we add mackerel, squid and shrimp into it.
Today we will present you boiled rice with pork. It has ingredients and how to do as follows.
Ingredients
- 2 cups jasmine rice
- 7 cups water
- 200 grams (about 7 ounces) pork bones
- 200 grams (about 7 ounces) minced pork
- 10 cloves garlic, peeled and pounded
- 3-4 shallots, peeled and thinly sliced
- ½ cube Knorr cube or 1 ½ tsp Rod Dee powder– pork flavor
- 3 Tbsp soy sauce
- 2 Tbsp vegetable oil
- ¼ cup of (each) chopped coriander, chopped green onion, and chopped Thai Celery
- Ground black pepper for garnishing
1. Place the pot with water and the pork bones in it over medium heat. Wait until the water starts to boil. If there is foam that starts to form on the surface please scoop it out. The foam will give your broth a bitter taste if you leave it in there. Then let it boil again for about 20 minutes.
2. Reduce the heat down to low heat. Add jasmine rice, follow with 2 Tbsp soy sauce and Knorr cube or Rod Dee (pork flavor). Let it simmer for about 15 minutes. Please stir from time to time otherwise the rice will be burnt and stuck on the bottom of pot.
3. While waiting for the rice to cook. Heat the oil on the pan over medium heat until it hot. Add sliced shallots to fry, when they turn amber yellow, put them aside on the paper towel to absorb the oil.
4. Use the remaining oil after frying the shallots to fry the garlic. Once the garlic starts to turn yellow add the minced pork and the remaining 1 Tbsp soy sauce. Stir fry until the minced pork turns dark brown and dry. Put the cooked ingredients into the boiled rice pot. Stir well, continue until the rice cooks well then and is tender (about 3-5 minutes) and then turn off the stove.
5. Put the boiled rice into a bowl, sprinkle with fried shallots, coriander, green onion, Thai celery, and ground black pepper.
6. Serve hot (this type of boiled rice, it should be eaten immediately after it’s done. If you wait too long the rice will become so sticky and absorb all the soup and it won’t be as tasty as it should be). Mix everything together well and taste, if not salty enough then add more soy sauce as you like.
ทอดมันปลากราย
ทอดมันปลากราย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ของบรรดาคนที่ชอบรับประทานปลาทั้งหลาย นอกจากจะหาทานได้ง่าย และมีขายทั่วไปตามแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่านแล้ว ทอดมันปลากรายยังเป็นอาหารที่สามารถทำทานเองได้ง่ายที่บ้าน หรือว่าถ้าที่ไม่สะดวกจะลงมือทำเอง ก็สามารถหาซื้อแบบที่ปรุงสำเร็จแล้ว แล้วนำมาทอดเอง
การทำทอดมันปลากรายให้อร่อยและน่ารับประทาน มีเคล็ดลับและขั้นตอนการทำ ดังนี้
ส่วนผสม
1. นำเนื้อปลากราย, น้ำพริกแกงเผ็ด, ถั่วฝักยาว, ใบมะกรูดและไข่ไก่มาผสมและนวดให้เข้ากันจนเหนียว
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำตาลทราย และน้ำเกลือ นวดให้เหนียวและเข้ากันอีกครั้ง
3. ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ ตั้งบนไฟกลาง เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่แล้วลดไฟลงให้เหลือไฟเบา จากนั้นนำทอดมันลงทอด โดยปั้นให้เป็นก้อนกลมขนาดเท่ากับหัวแม่มีอ แล้วแผ่ให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ½ -2 นิ้ว ทอดให้สุกเหลืองทั้ง2ด้าน พอสุกนำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานและรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม
ส่วนผสมของน้ำจิ้ม
วิธีทำ
1. นำแตงกวามาล้างน้ำให้สะอาด หลังจากนั้นนำมาผ่าครึ่งตามยาว และซอยบางๆ ตามขวาง
2. นำน้ำจิ้มไก่ใส่ลงไปในถ้วยผสม ตามด้วยแตงกวา, พริกสด, ถั่วลิสง และผักชี คนให้เข้ากัน จากนั้นจัดเสิร์ฟพร้อมทอดมัน
เคล็ดลับ
ให้นำทอดมันที่ผสมเสร็จแล้ว ไปแช่ในน้ำแข็งป่นหรือในตู้เย็นเอาไว้สัก 1 คืน พอรุ่งขึ้นจึงนำมาทอด วิธีนี้จะทำให้ทอดมันพองฟูน่ารับประทาน
ส่วนผสม
- เนื้อปลากรายบดหรือสับละเอียด 300 กรัม
- น้ำพริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วฝักยาวหั่นละเอียด 1 ถ้วย
- ใบมะกรูดซอยละเอียด 5 ใบ
- ไข่ไก่ 1ฟอง
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ ½ ช้อนชา นำมาละลายในน้ำเย็นจัด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืชสำหรับทอด
1. นำเนื้อปลากราย, น้ำพริกแกงเผ็ด, ถั่วฝักยาว, ใบมะกรูดและไข่ไก่มาผสมและนวดให้เข้ากันจนเหนียว
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำตาลทราย และน้ำเกลือ นวดให้เหนียวและเข้ากันอีกครั้ง
3. ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ ตั้งบนไฟกลาง เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่แล้วลดไฟลงให้เหลือไฟเบา จากนั้นนำทอดมันลงทอด โดยปั้นให้เป็นก้อนกลมขนาดเท่ากับหัวแม่มีอ แล้วแผ่ให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ½ -2 นิ้ว ทอดให้สุกเหลืองทั้ง2ด้าน พอสุกนำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานและรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม
ส่วนผสมของน้ำจิ้ม
- น้ำจิ้มไก่ ½ ถ้วยตวง
- แตงกวาลูกเล็ก2 ลูก
- พริกสดตำละเอียด ½-1 ช้อนชา (แล้วแต่ว่าชอบเผ็ดมากหรือน้อย)
- ถั่วลิสงคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แล้วแต่ความชอบ)
- ผักชีหั่นหยาบ 2 ต้น
1. นำแตงกวามาล้างน้ำให้สะอาด หลังจากนั้นนำมาผ่าครึ่งตามยาว และซอยบางๆ ตามขวาง
2. นำน้ำจิ้มไก่ใส่ลงไปในถ้วยผสม ตามด้วยแตงกวา, พริกสด, ถั่วลิสง และผักชี คนให้เข้ากัน จากนั้นจัดเสิร์ฟพร้อมทอดมัน
เคล็ดลับ
ให้นำทอดมันที่ผสมเสร็จแล้ว ไปแช่ในน้ำแข็งป่นหรือในตู้เย็นเอาไว้สัก 1 คืน พอรุ่งขึ้นจึงนำมาทอด วิธีนี้จะทำให้ทอดมันพองฟูน่ารับประทาน
Tod Mun Plah Grai (Fried Fish Cake Thai Style)
Tod Mun Plah Grai (Fried Fish Cake Thai Style) is another popular recipe for those who like to have fish. In addition to being easy to find to eat and for sale in a busy general community area Tod Mun Plah Grai is also an easy dish to make on your own at home. Or if inconvenient to make it yourself, you can buy it pre-made and then fry it yourself.
How to make Tod Mun Plah Grai so tasty and delicious, here are some tips and steps to do.
Ingredients
1. Bring the Notopteridae fish meat, red curry paste, long yard beans, kaffir lime leaves, and egg to mix and knead together until sticky.
2. Season with fish sauce, sugar and salted water and knead until sticky and well mixed.
3. Add the vegetable oil into the wok and place it on medium heat. When the oil is hot then reduce the heat to low. Then put the Tod Mun in to fry, by making it into a thumb sized ball and spread it out into a flat disk about 1 cm thick and 1 ½ -2 inches in diameter. Fry until it cooks and turns golden on both sides. When it is cooked, scoop it up to drain out the oil. Arrange on a plate and serve with the sauce.
The sauce ingredients
How to do the sauce…
1. Wash cucumbers with water thoroughly. Then cut in half lengthwise and thinly slice crosswise.
2. Add Thai sweet chili sauce into a mixing bowl. Follow with cucumber, fresh Thai chili, peanuts and coriander. Stir well. Then serve with Tod Mun.
Tip
Immerse the bowl that holds the Tod Mun mixture in crushed ice or refrigerate it over night. And then fry it the next day, so this will allow Tod Mun to inflate, rise, and look delicious.
Ingredients
- 300 grams (10 ounces) Notopteridae fish meat (you can substitute any mild white fish), crushed or finely chopped
- 3 Tbsp red curry paste
- 1 cup long yard beans, finely chopped
- 5 kaffir lime leaves, finely sliced
- 1 egg
- 1 Tbsp fish sauce
- 1 Tbsp sugar
- ½ tsp salt, bring to thawed in 1 Tbsp ice cold water
- Vegetable oil for deep frying
1. Bring the Notopteridae fish meat, red curry paste, long yard beans, kaffir lime leaves, and egg to mix and knead together until sticky.
2. Season with fish sauce, sugar and salted water and knead until sticky and well mixed.
3. Add the vegetable oil into the wok and place it on medium heat. When the oil is hot then reduce the heat to low. Then put the Tod Mun in to fry, by making it into a thumb sized ball and spread it out into a flat disk about 1 cm thick and 1 ½ -2 inches in diameter. Fry until it cooks and turns golden on both sides. When it is cooked, scoop it up to drain out the oil. Arrange on a plate and serve with the sauce.
The sauce ingredients
- ½ cup Thai sweet chili sauce
- 2 small cucumbers
- ½ -1 tsp pounded fresh Thai chili (depends on whether you like more or less spicy)
- 2 Tbsp grounded roasted peanuts (optional, depends on your preference)
- 2 coriander stalks, coarsely chopped
1. Wash cucumbers with water thoroughly. Then cut in half lengthwise and thinly slice crosswise.
2. Add Thai sweet chili sauce into a mixing bowl. Follow with cucumber, fresh Thai chili, peanuts and coriander. Stir well. Then serve with Tod Mun.
Tip
Immerse the bowl that holds the Tod Mun mixture in crushed ice or refrigerate it over night. And then fry it the next day, so this will allow Tod Mun to inflate, rise, and look delicious.
ลาบหมูอีสาน
ลาบอีสาน ถือเป็นอาหารอีสานจานเด็ดจานหนึ่งที่เข้าไปรวมอยู่ในเมนูของภัตตาคาร, ห้องอาหาร หรือร้านอาหารดังๆ มากมาย ส่วนร้านอาหารทั่วไปนั้นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะมีขายกันเกร่อไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารริมทาง, แผงลอยหาบเร่ หรือแม้แต่รถเข็นก็ยังมีอาหารประเภท “ลาบอีสาน” ขายดังที่ได้เห็นกันอยู่โดยทั่วไป วันนี้เราจึงมีเมนูลาบอีสานที่ทำด้วยหมูมานำเสนอ
ส่วนผสม
วิธีทำ
1. ต้มน้ำซุปไก่หรือน้ำเปล่าในหม้อใบเล็ก เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ใส่หมูสับและต้มต่อไปอีก 2 นาที ระหว่างต้มให้ใช้ทัพพีเขี่ยให้หมูแยกออกจากกัน เมื่อหมูสุกดีแล้วจึงปิดไฟ และเทน้ำออก
2. นำหมูที่สุกแล้วไปใส่ในชามขนาดกลาง เติมหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และใบสาระแหน่ (เหลือนิดหน่อยไว้แต่งหน้า) ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, ข้าวคั่ว, พริกป่นและน้ำตาล คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมดูรสชาติตามใจชอบ ถ้าขาดเหลืออะไรให้ใส่เพิ่มเติมลงไป
3. ตักใส่จาน แต่งข้างจานด้วยผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือแตงกวา) โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสริ์ฟพร้อมข้าวเหนียว (หรือข้าวสวย) ร้อนๆ
หมายเหตุ : สำหรับบางคนที่นิยมรับประทานเครื่องในหมู สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำลาบหมูได้ด้วย โดยให้นำเครื่องในมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ และลวกให้สุกก่อนที่จะนำมาผสมรวมกับเครื่องปรุงในการทำลาบหมูต่างๆ
- หมูสับ 350 กรัม
- น้ำซุปไก่ หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- ใบสะระแหน่หั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงหั่นบาง ½ ถ้วยตวง
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล ½ ช้อนชา
- ผักสดสำหรับแกล้ม เช่น กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือ แตงกวา
2. นำหมูที่สุกแล้วไปใส่ในชามขนาดกลาง เติมหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และใบสาระแหน่ (เหลือนิดหน่อยไว้แต่งหน้า) ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, ข้าวคั่ว, พริกป่นและน้ำตาล คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมดูรสชาติตามใจชอบ ถ้าขาดเหลืออะไรให้ใส่เพิ่มเติมลงไป
3. ตักใส่จาน แต่งข้างจานด้วยผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือแตงกวา) โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสริ์ฟพร้อมข้าวเหนียว (หรือข้าวสวย) ร้อนๆ
หมายเหตุ : สำหรับบางคนที่นิยมรับประทานเครื่องในหมู สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำลาบหมูได้ด้วย โดยให้นำเครื่องในมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ และลวกให้สุกก่อนที่จะนำมาผสมรวมกับเครื่องปรุงในการทำลาบหมูต่างๆ
Laab Moo E-sarn (Minced Pork E-Sarn style)
Laab E-sarn is one of the excellent dishes on many Thailand restaurants menus. Though I haven’t mentioned about the restaurants in general yet, there is Laab E-sarn to be found throughout Thailand. Even the stalls, hawkers and peddlers, or even the cart food will have “Laab E-Sarn” to sell as we can see. So today we will have the recipe for Laab E-sarn that is made with minced pork to present.
Ingredients
How to do…
1. Boiled chicken broth or water in a small pot. When water starts to boil, add the minced pork and let it boils for another 2 minutes. Use the rake to separate the pork while it’s boiling. When pork is cooked, then turn the heat off and pour the water out.
2. Put the cooked pork into the medium mixing bowl, add shallots, green onion, coriander and mints (leave a little bit of mint for garnishing). Season with lime juice, fish sauce, grounded roasted rice, chili powder and sugar. Mix well. Taste and add anything as you like.
3. Put the Laab Moo on the plate and also garnish the side dishes with fresh vegetables (cabbage, long yard bean or cucumber). Sprinkle with mint leaves. Serve with hot sticky rice (or steamed rice).
Note : For some people who like pork organs, you can use them as one of the Laab Moo (minced pork) ingredients too. You simply slice the organs into thin pieces and then scald them until done prior mixing them with all of the Laab Moo ingredients.
- 350 grams minced pork
- 1 cup chicken broth or water
- 2 Tbsp mint leaves, coarsely chopped
- 2 Tbsp coriander, coarsely chopped
- 3 Tbsp green onion, finely chopped
- ½ cup shallots, finely chopped
- 3 Tbsp lime juice
- 2 Tbsp fish sauce
- 2 Tbsp grounded roasted rice
- 1 Tbsp chili powder
- ½ tsp sugar
- Fresh vegetables for side dishes such as cabbage, long yard bean or cucumber
1. Boiled chicken broth or water in a small pot. When water starts to boil, add the minced pork and let it boils for another 2 minutes. Use the rake to separate the pork while it’s boiling. When pork is cooked, then turn the heat off and pour the water out.
2. Put the cooked pork into the medium mixing bowl, add shallots, green onion, coriander and mints (leave a little bit of mint for garnishing). Season with lime juice, fish sauce, grounded roasted rice, chili powder and sugar. Mix well. Taste and add anything as you like.
3. Put the Laab Moo on the plate and also garnish the side dishes with fresh vegetables (cabbage, long yard bean or cucumber). Sprinkle with mint leaves. Serve with hot sticky rice (or steamed rice).
Note : For some people who like pork organs, you can use them as one of the Laab Moo (minced pork) ingredients too. You simply slice the organs into thin pieces and then scald them until done prior mixing them with all of the Laab Moo ingredients.
ผัดซีอิ้วหมูหรือไก่ (Pad See Ew Mu Or Kai)
= Stir soy sauce pork or chicken =
การเตรียมเครื่องปรุง
1.หมูหรือไก่หั่นบางๆ 9~10 ชิ้น
2.กระเทียมสดตำหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมันพืช 1 ทัพพี
4. ซอลหอยนางรม 1/2 ทัพพี
5. ชูรส 1 ช้อนชา
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
8. ผักคะน้าหั่น 2 ต้น
9. เส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยว 1~2 ขีด
10.ซีอิ้วขาว 1/2 ทัพพี
11.ซีอิ้ดำ 1 ช้อนโต๊ะ
10. ใข่ไก่ดิบ 1 ฟอง
วิธีการปรุง
1. นำน้ำมันใส่กะทะรอให้น้ำมันร้อน
2. ใส่กระเทียมที่ตำเจียวให้หอม
3. ใส่หมูหรือไก่ ผัดให้สุก
4. ใส่ซีอิ้วขาว
5. ใส่ซอลหอยนางรม
6. ใส่ผงชูรส น้ำปลา น้ำตาลทราย
7. ใส่ผักคะน้า ผัดให้เข้ากันจนกว่าคะน้าจะสุก
8. ใส่ก๊วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ตามด้วยซีอิ้วดำ ผัดเข้าด้วยกัน
9. ใส้ใข่ ตีใข่แดงให้แตก ผัดเข้าด้วยกัน (ถ้าต้องการรสไหนใส่เติมได้เลย)
แค่นี้ผัดซีอิ้วก็เสร็จแบบ Style นายอร่อย สนนราคาอยู่ที่ 25~30 บาท
ขอบคุณมากครับ
Pattaya Mini Siam
| = About Mini Siam = |
Mini Siam had been started to research the project in 1985, and had been constructed in 1986 with more 29 Rais which separated to be Mini Siam, and Mini Europe. For the rest area, there are the Booking Halls, the Souvenir Shops for lease, and the Parking Lots. The Democracy Monument in Bangkok was the first model to build. Siam is the old historic country according to the Buddhism, Arts & Cultures, Customs & Traditions have been prosperous were been recorded. They have been displayed via the architecture, and the ruins of the ancient sites that have indicated Thai monopoly, and also have presented Thai civilization from : • Before the occupation of Thais • Dvaravati 1.2 Srivijaya 1.3 Lop Buri • After the occupation of Thais • Lanna ( Shiang Saen ) 2.2 Sukhothai 2.3 U-Thong • Ayutthaya 2.5 Thonburi 2.6 Rattanakosin At present, Thai ancient sites and the antiquenesses still remain for representing Thai Independent. All of them mentioned above shall decadent when the time pass by; moreover, it also spends much money, and wastes many times to travel to, because they are scattered locations. Thus, these are the reasons to establish Mini Siam for modelling and collecting all of them situated in one to be a Thai Culture Knowledge Source for the posterities to research and make them proud to preserve. Hence, the projector of Mini Siam ‘s purposes are as below : • To collect Thai arts such as, ancient place models, antiqueness models of each period with 1 : 25 scale of form which is as like as realism • To save times and money to travel to • To be a Thai Culture Source for research and visual education • To be well know in the oversea • To be the centre for Thai young generation to recollect Mini Siam is open every day from 9:00 to 18:00. Website : http://www.minisiam.com/index_eng.html |
Nong Nooch Tropical Garden & Resort
= The History Of Nong Nooch =
In 1954 Mr.Pisit and Mrs. Nongnooch Tansacha bought 1500 rais (approximately 600 acres) of rolling hills and valleys at kilometer marker 163 on Sukhumvit road in Chonburi province. The newly purchased land was anticipated to become a fruit plantation. But as fate may have it, Mrs. Nongnooch during a trip abroad, was inspired by the beauties of many world-renowned gardens and decided to turn it into a tropical garden of ornamental flowers and plants.
Opened to the public in 1980 , the garden was named “ Suan Nong Nooch ” in honor of Mrs. Nongnooch, as the word “Suan” means garden. In addition to continuing on her life's work of the garden, Mrs. Noongnooch spends her time between Bangkok and the orchard in Chieng-rai as well as Nong Nooch camping resort in Prachinburi province, which made its debut in 2001. In order to maintain the gardens, management was than handed over to her son, Mr. Kampon Tansacha.
From such humble beginnings, now more than 2,000 visitors, VIP guests, schools, local residents of Thailand, expatriate's and tourists from around the world visit Nong Nooch Garden daily!
= Nong Nooch Show =
Since its debut as a tourist attraction, fascinating Thai Culture and traditional dances are presented daily in the theater within the garden compound. Along with the traditional shows, visitors will have an opportunity to see other performances such as religious ceremonies, martial arts and The Amazing Elephant Show – one of the most popular attractions here.
The shows are presented up to 4 times daily. Witness a demonstration of an elephants intellect playing football, basketball, bowling dancing and even playing with tourists!!! We promise you will be so amazed with the show – you will not want it to end.
It's an experience you'll never forget.
Daily Show Times
Show 1 : 9:45am-10:45am
Show 2 : 10:45am-11:45am
Show 3 : 3:00pm-4:00pm
Show 4 : 4:00pm-5:00pm
Website : http://www.nongnoochtropicalgarden.com/
Show 2 : 10:45am-11:45am
Show 3 : 3:00pm-4:00pm
Show 4 : 4:00pm-5:00pm
Website : http://www.nongnoochtropicalgarden.com/
Pattaya Beach Restaurants - South Pattaya
Traditional Thai Puppet Theatre (Joe Louis) Thai Restaurant
Boat Bakery
AKA
Pan Pan (Pattaya City Walk)
Koo Koo – Pollo
Subscribe to:
Posts (Atom)