Showing posts with label Learn Thai Food - TH. Show all posts
Showing posts with label Learn Thai Food - TH. Show all posts

Tuesday, February 22, 2011

ผัดผักรวมมิตร (Fried Mixed Vegetables) กับหมูบด


การเตรียมเครื่องปรุง
1.น้ำมันพืช 1 ทัพพี
2.หมูบด 1/2 กิโลกรัม
3.กระเทียมเจียว 1/2 ช้อนโต๊ะ
4.กระหล่ำปลีหั่นชิ้น 2 ขีด,เห็ดหูหนูหั่นชิ้น 2 ขีด,แครอดหั่นชิ้น 2 ขีด
5.น้ำมันหอย 1 ทัพพี
6.ซอลหอยนางรม 1 ทัพพี
7.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ,น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ, ผงชูรส 1 ช้อนชา

วิธีการปรุง
1.ตั้งกระทะใสน้ำมันพืชรอให้ร้อน
2.ใส่กระเทียมเจียว เจียวให้หอม
3.ใสหมูบดผัดให้สุก
4.ใสน้ำมันหอยซอลหอยนางรม,น้ำปลา น้ำตาล ผงชูรส ผัดให้เข้ากัน
5.ใส่กระหล่ำ เห็ดหูหนู แครอด ผัดให้เข้ากัน ถ้าชอบรสชาดไหนก็เพิ่มเข้าไปได้เลย
แค่นี้ก็ได้ ผัดผักรวมมิตร Style นายอร่อยแล้ว สนนราคาอยู่ที่จานละ 20~25 บาท
       จากนาย อร่อย ขอบคุณครับ

Thursday, February 17, 2011

ผัดขิงไก่ (Gai Pad King) - Stir Fried Chicken with Ginger and Assorted Vegetables


การเตรียมเครื่องปรุง
1.เนื้อไก่หั่นชิ้นบางๆ 1/2 กิโลกรัม
2.น้ำมันพืช 1~2 ทัพพี
3.ขิงซอย 1~2 ขีด
4.เห็ดหูหนูหั่นชิ้น 1~2 ขีด
5.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
6.ผงชูรส 1 ช้อนชา
7.ซอลหอยนางรม 1 ทัพพี

วิธีการทำ
1.ใสน้ำมันพืชทิ้งไว้ให้ร้อน
2..ใสไก่ผัดให้สุก
3.ใสน้ำปลาและผงชูรสผัดให้เข้ากัน
4.ใสขิงซอยและเห็ดหูหนูผัดให้เข้ากัน
5.ใส่น้ำมันหอยแล้วผัดให้เข้ากัน แค่นี้ท่านก็จะได้ผักขิงไก่สุดแสนอร่อยแล้ว สนนราคาอยู่ที่จาน
ละ 25~30 บาท ถ้ารสชาดยังไม่เข็มข้นเพิ่มน้ำมันหอยก็ได้
                ขอบคุณครับ จากนายอร่อย

Wednesday, February 9, 2011

มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ

มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ เป็นกับข้าวจานหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาก เนื่องจากวัตถุดิบหาได้ง่าย วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก และยังมีรสชาติที่อร่อย  มะเขือยาวมีชื่อพื้นบ้านว่า มะเขือขาว ปัจจุบันมะเขือยาวมีหลายหลากสี ได้แก่ สีเขียวอ่อน สีม่วงคล้ำ สีขาว หรือสีม่วงปนขาว เป็นต้น มะเขือยาวมีคุณค่าทางโภชนาการหลายอย่าง คนไทยนิยมนำมาทำเป็นอาหารหลายชนิด เช่น  ยำมะเขืออยาว , ตำมะเขือ เป็นต้น

 ส่วนผสม
  • มะเขือยาว 2 ลูก,  จะใช้แบบสีเขียวหรือสีม่วงก็ได้
  • หมูสับ หรือไก่สับ 150 กรัม
  • โหระพา 2-3 ช่อ
  • พริกขี้หนู 3-5 เม็ด, เด็ดขั้ว  (แล้วแต่ชอบเผ็ดมากน้อย)
  • กระเทียม 2 กลีบ, ปอกเปลือก
  • เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล 2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่นนิดหน่อย
  • น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง
 วิธีทำ
1. นำโหระพาและนำมะเขือยาวไปล้างน้ำให้สะอาด  นำโหระพามาสะเด็ดน้ำแล้วเด็ดเป็นใบๆ พักไว้ ส่วนมะเขือยาวนำมาตัดขั้วทิ้ง แล้วนำไปหั่นแฉลบหนาประมาณ 1.5-2 นิ้ว (หรือจะผ่าตามยาวตลอด  แล้วหั่นเป็นชิ้นตามขวางขนาดชิ้นละ 1 นิ้วเศษก็ได้)  นำมะเขือที่หั่นแล้วไปแช่น้ำให้ท่วม ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย จะทำให้มะเขือยาวไม่คล้ำ2. นำพริกขี้หนูกับกระเทียมมาตำรวมกันพอหยาบ พักไว้
3. นำกระทะไปตั้งบนไฟกลาง  ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ  พอกระทะเริ่มร้อนให้ใส่กระเทียมและพริกที่ตำไว้ลงไปผัด ผัดพอหอม  จากนั้นใส่หมูสับลงไปผัดพอสุก  จึงใส่มะเขือยาวที่แช่ในน้ำเกลือลงไป (สะเด็ดน้ำก่อนใส่)
4. ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว, ซีอิ้วขาว, น้ำปลา และน้ำตาล  เติมน้ำเปล่า ¼  ถ้วยตวงลงไป  ผัดให้เครื่องปรุงเข้ากัน  จากนั้นเอาฝาหม้อหรืออะไรก็ได้ปิดกระทะไว้  รอให้มะเขือสุกประมาณ 4-5 นาที จากนั้นจึงเปิดฝาหม้อออก ผัดต่อให้เข้ากัน สุดท้ายจึงใส่ใบโหระพาที่เด็ดไว้ลงไป  ผัดให้ใบโหระพาอ่อนตัว จึงปิดไฟ ยกลงและตักใส่จานเสริ์ฟ (การผัดมะเขือยาวนี้ บางที่ก็นิยมนำเอามะเขือยาวที่หั่นไว้แล้วไปต้มในน้ำร้อนประมาณ 2-3นาทีก่อน  เมื่อถึงเวลานำมาผัด  จะทำให้มะเขือยาวนิ่มและสุกเร็วขึ้น)

ขนมเต้าส่วน

เต้าส่วน เป็นชื่อของหวานชนิดหนึ่งของไทยชนิดหนึ่งที่ได้รับเอาวัฒนธรรมมาจากชนชาติจีน ทำด้วยแป้งเปียกกวนกับถั่วเขียวที่เอาเปลือกออก, ต้มกับน้ำตาล แล้วราดน้ำกะทิ จะมีรสชาติที่ออกหวาน เค็มและมันปนกัน

ส่วนผสม
  • ถั่วเขียวซีก หรือถั่วเขียวกระเทาะเปลือก (บางคนก็เรียกว่าถั่วเหลือง) ½ ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 6-7 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำถั่วเขียวซีกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เวลาผ่านไปจะได้ถั่วที่บานเต็มชาม จากนั้นจึงนำถั่วไปใส่ในตะแกรงและสะเด็ดน้ำไว้
2. นำถั่วเขียวซีกที่สะเด็ดน้ำแล้วไปห่อด้วยผ้าขาวบางและนำไปนึ่งในหม้อนึ่งจนสุก (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
3. ระหว่างที่รอให้ถั่วที่นึ่งสุกอยู่นั้น ก็มาทำน้ำกะทิสำหรับราดหน้า โดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือป่นและแป้งข้าวเจ้าในหม้อ ยกหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ หมั่นคนไปมาซักพักประมาณ 1-2นาทีจนแป้งสุก (ระวังอย่าให้เดือด) จึงปิดไฟ และพักไว้
4. เมื่อถั่วนึ่งสุกแล้วจึงยกลงเทใส่ชาม จับชามเขย่าไปมาเบาๆ ให้ถั่วไม่จับเป็นก้อน พักไว้
5. นำน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวงใส่หม้อและยกขึ้นตั้งไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดี (ถ้าใครชอบหวานมากก็เพิ่มน้ำตาลเองตามใจชอบ)
6. นำแป้งมันไปผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนแป้งละลายและไม่จับตัวกันเป็นก้อน (ห้ามใส่แป้งมันในน้ำร้อนโดยตรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้แป้งจับตัวกันเป็นก้อนๆ) พอหม้อน้ำตาลเริ่มเดือดจึงค่อยๆ เทแป้งมันที่ผสมน้ำไว้ลงไปทีละน้อย ในขณะเดียวกันก็คนเร็วๆให้เข้ากัน จนแป้งสุกใสและข้นเหนียว จึงใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ลงไป คนให้ถั่วกระจายทั่ว จึงปิดไฟ
7. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิเล็กน้อย พร้อมเสริ์ฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น

เคล็ดลับ : อย่าข้ามขั้นตอนโดยใส่ถั่วก่อนแป้งมัน เพราะจะทำให้น้ำขุ่น และถั่วจะดูดน้ำทำให้บานเพิ่มขึ้นอีกไปอีก และเมื่อเต้าส่วนเย็นตัวลงอาจทำให้แป้งมันคืนตัวได้

Tuesday, February 8, 2011

เมี่ยงลาว (Meiy Loas) Style - นาย อร่อย

= การเตรียมเครื่องปรุง =
1.ผักกาดหอม 1/2 กิโลกรัม
2.หอยแคลงสดลวกไม่ต้องสุก 1 กิโลกรัม
3. หมูบดคั่วให้สุก 1/2 กิโลกรัม
4. กุ้งแห้งใหญ่ 2 ขีดครึ่ง
5. เส้นหมี่ 1/2 กิโลกรัม
การทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
1.ตำพริกขี้หนู 4~5 เม็ดและกระเทียมกลีบ 4~5 กลีบ เข้าด้วยกัน
2.ใส่น้ำตาลปิ๊บ 1 ช้อนโต๊ะตำเข้าด้วยกัน
3.ใส่น้ำปลาลงไปในครกเลย 4~5 ช้อนโต๊ะ
4.ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว 2~3 ช้อนโต๊ะและผงชูรส 1/2 ช้อนชา
แค่นีก็จะได้น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดแล้ว อยากเพิ่มรสชาดไหนเพิ่มได้เลยตามใจชอบ


= วิธีการรับประทาน =
1.ฉีกใบผักกาดหอมประมาณพอคำ
2.ใสหมี่พอคำ
3.ใสกุ้งแห้ง 1 ตัวหอยแคลง 1 ตัว หมูบดพอคำ
4.ใสน้ำจิ้มแล้วห่อใบผักกาดหอมเข้าปากได้เลย
สูตรนี้เป็นของนายอร่อยไม่มีที่ไหน อร่อยมากรับประทาน 4~5 ท่านก็จะอร่อยมากขึ้นไปใหญ่
สนนราคาอยู่ที่ 80~100 บาท
               ขอบคุณมากครับ จากนายอร่อยเจ้าเก่า

Monday, February 7, 2011

เมี่ยงปลาทู(Meiy Pha Tho)


= การเตรียมก่อนการปรุง =
1.ปลาทูขนาดพอเหมาะ 4~5 ตัว
2.ผักกาดหอม 1/2 กิโลกรัม
3.น้ำมันพืช 1 ขวดกลาง
4.เส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยว 1/2 กิโลกรัม
5.ถั่วลิสงคั่วแล้ว 1 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำปลา 3~4 ช้อนโต๊ะ
8.ผงชูรส 1ช้อนชา
9.พริกขี้หนูสด 5~6 เม็ดพร้อมกระเทียม 4~5 กลีบ
10.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

= วิธีการทำ =
1.เทน้ำมันพืชใส่กระทะนำปลาทูมาทอดให้กรอบและแกะเอาก้างออกให้เหลือแต่เนื้อปลาทูแล้วพักไว้การทำน้ำจิ้มรสเด็ด
1.นำถั่วลิสงมาตำให้ละเอียด
2.ใสน้ำตาลปี๊บแล้วตำเข้าด้วยกัน
3.ใสพริกขี้หนูและกระเทียมตำเข้าด้วยกัน
4.ตักขึ้นจากครกและนำมาใส่ถ้วย
5.ใสน้ำปลาและปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ผงชูรส แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มรสเด็ดแล้ว ถ้าต้องการรสไหนเพิ่มก็เพิ่มได้เลยตามใจชอบวิธีการรับประทาน
1.นำผักกาดหอมฉีกใบพอเหมาะมือ
2.นำก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เด็ดพอเหมาะมาใสในใบผักกาดหอม
3.ใส่เนื้อปลาทูขนาดพอคำ
4.ใสน้ำจิ้มรสเด็ดลงไปแล้วห่อใส่ปากได้เลยจะได้รสชาดความอร่อยของเมี่ยงปลาทูแล้วต้องรับประทาน 4~5 ท่าน จะอร่อยมาก สนนราคาอยู่ที่ 40~50 บาท
แล้วพบกันใหม่จากนายอร่อย ขอบคุณมากครับ

Monday, January 31, 2011

หมูย่างน้ำตก

น้ำตก ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานของไทยแล้วจะมีอยู่ 2 ความหมาย   น้ำตกความหมายแรก  หมายถึง นํ้าที่ขังอยู่บนเขาตกลงมาที่หน้าผา   หรือจะใช้เรียกนํ้าที่ทําให้ตกลงมาในลักษณะคล้ายคลึงกันเช่นนั้นว่า น้ำตก
ความหมายที่สอง หมายถึง  อาหารอย่างหนึ่งที่ใช้เนื้อสัตว์  เช่น เนื้อหมู หรือเนื้อวัว มาย่างพอให้สุกเล็กน้อย   หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ  แล้วปรุงรสด้วยพริกป่น  หอมแดงซอย  ข้าวคั่ว น้ำมะนาว  น้ำปลา  เป็นต้น หรือ ใช้เรียกก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดที่ใส่เลือดวัวสดว่า น้ำตก     แต่วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของน้ำตกที่เป็นอาหาร และที่ใช้เนื้อหมูมาเป็นส่วนประกอบหลัก
หมูย่างน้ำตก ถือเป็นอาหารพื้นเมืองอย่างหนึ่งของทางภาคอีสาน นิยมทานคู่กับข้าวเหนียว ไก่ย่าง  มีวิธีทำและส่วนผสมดังต่อไปนี้

 ส่วนผสม
  • เนื้อหมู (ให้เลือกเอาเนื้อที่มีส่วนที่ติดมันเล็กน้อย) 450 กรัม
  • หอมแดงขนาดกลาง 3 หัว (ปอกเปลือกออก  ล้างและซอยบางๆ)
  • ต้นหอมซอย  และผักชีซอยรวมกัน  3 ช้อนโต๊ะ
  • ใบสะระแหน่  เด็ดเป็นใบ 1 ถ้วยตวง
  • น้ำปลา  2 ช้อนโต๊ะ  (หรือปรุงแล้วแต่ชอบ)
  • น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะ  (หรือปรุงแล้วแต่ชอบ)
  • น้ำตาลทราย 1ช้อนโต๊ะ (หรือปรุงแล้วแต่ชอบ)
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย  1/2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูแห้งป่น  1 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่วป่น  1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า
  • ผักสด เช่น แตงกวา กะหล่ำปลี ฯลฯ

 วิธีทำ

1. นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด   เสร็จแล้วซับน้ำให้แห้ง   หมักเนื้อหมูที่ได้ด้วยน้ำตาล  ½ ช้อนโต๊ะ,น้ำมันหอยและซีอิ๊วขาว  ประมาณ 30 นาทีหรือนานกว่านั้นก็ได้
2. ตั้งกระทะบนเตาที่ความร้อนปานกลาง  นำหมูที่หมักไว้ลงไปย่าง  ประมาณ 20 นาทีทั้งสองด้าน เอาส้อมจิ้มดู  โดยให้ได้เนื้อหมูที่สุกพอประมาณ   ตักใส่จานทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นบางๆ  โดยให้น้ำข้างในหมูอยู่ตัวก่อนแล้วจึงหั่น  ไม่เช่นนั้นหมูที่ได้จะไม่ชุ่มฉ่ำ
3. นำหมูที่หั่นแล้วใส่ลงไปในหม้อและตั้งบนไฟกลางๆ  เติมน้ำเล็กน้อยพอขลุกขลิก  คนให้เข้ากันรอจนร้อนจัดประมาณ 2-3 นาที  จึงปิดแก๊ส
4. ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ  เช่น น้ำปลา น้ำมะนาว  น้ำตาลทราย(ที่เหลือ) พริกป่น ข้าวคั่ว  คนให้เข้ากัน แล้วชิมรส  (ปรุงรสให้ถูกใจ  ขาดเหลืออะไรก็เพิ่มเติมตามความชอบ)  จากนั้นตามด้วยหอมแดง ต้นหอม  ผักชีที่ซอยไว้  และครึ่งหนึ่งของใบสะระแหน่ที่เด็ดไว้ (อีกครึ่งหนึ่งเหลือไว้โรยหน้า) คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
5. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ที่เหลือ  เสริ์ฟพร้อมกับผักสด เช่น แตงกวา  กะหล่ำปลี เป็นต้น

สาคูไส้หมู

อาหารว่างประเภทหนึ่งที่มักจะวางขายคู่กับข้าวเกรียบปากหม้อ นั่นก็คือ สาคูไส้หมู สาคูไส้หมูนั้นมีรสชาติที่หวานเล็กน้อยปนเค็มนิดๆ โดยจะนิยมรับประทานคู่กันกับผักชี ผักสลัด และพริกขี้หนูเพื่อแก้เลี่ยน นอกจากจะเป็นอาหารประเภทที่รับประทานง่ายแล้ว วิธีการก็ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เวลาและความชำนาญในการทำมากมายเหมือนของว่างประเภทอื่นๆ


ส่วนผสม
  • สาคูเม็ดเล็ก 500 กรัม
  • เนื้อหมูสับ 250 กรัม
  • หัวไชโป๊เค็มสับละเอียด 100 กรัม (ล้างแล้วใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ)
  • หอมใหญ่หั่นชิ้นเล็ก ๆ ¼ ถ้วยตวง
  • ถั่วลิสงคั่วป่นหยาบ 1 ถ้วยตวง
  • รากผักชีหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเที่ยมปอกเปลือกสับหยาบ 4 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วยตวง
  • น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วดำ ½-1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช ¼ ถ้วยตวง
  • น้ำร้อน 1/3 ถ้วยตวง
  • ผักสดสำหรับใช้เป็นเครื่องเคียง เช่น ผักกาดหอม, ผักชี, พริกขี้หนูสด เป็นต้น
  • ผ้าขาวบางสำหรับรองในลังถึงก่อนนึ่ง
วิธีทำ
1.นำสาคูไปล้างน้ำให้สะอาด เทใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปใส่ในอ่างผสม ค่อยๆ ใส่น้ำร้อนลงไปทีละนิด คนให้เข้ากัน จากนั้นใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดให้หมาดๆ คลุมไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำมานวดให้เหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ½ -1 นิ้ว เสร็จแล้วพักไว้


วิธีทำ

1.นำสาคูไปล้างน้ำให้สะอาด เทใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปใส่ในอ่างผสม ค่อยๆ ใส่น้ำร้อนลงไปทีละนิด คนให้เข้ากัน จากนั้นใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดให้หมาดๆ คลุมไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำมานวดให้เหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ½ -1 นิ้ว เสร็จแล้วพักไว้2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำไปตั้งไฟกลางให้ร้อน ใส่กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะลงไป เจียวให้เหลือง (ระวังอย่าให้ไหม้) จากนั้นตักขึ้นพักไว้
3. นำรากผักชี, กระเทียมที่เหลือ และพริกไทยเม็ดมาโขลกรวมกันให้ละเอียด
4. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวกระเทียมลงไป2 ช้อนโต๊ะ เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่จึงใส่เครื่องที่โขลกลงไปผัดให้หอม ใส่หอมใหญ่และหมูสับลงไป ผัดยีให้หมูกระจาย ตามด้วยหัวไชโป๊สับ จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำปลา, ซีอิ๊วขาว, ซอสปรุงรส และซีอิ๊วดำ ผัดให้เข้ากัน ชิมให้ออกรสเค็มและหวาน ใส่ถั่วลิสงลงไป ผัดให้เข้ากันจนเหนียว ปิดไฟ ยกลงแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
5. แผ่สาคูที่ปั้นไว้ออกให้เป็นแผ่นบาง ๆ ตักไส้ใส่ตรงกลาง แล้วห่อด้วยแผ่นแป้งให้มิด จากนั้นนำไปวางเรียงบนถาด
6. นำผ้าขาวบางมาปูบนลังถึง  เรียงสาคูลงบนผ้าขาวบาง โดยให้เว้นระยะห่างจากกันประมาณ 1 เซนติเมตร (เผื่อสาคูขยายตัวเวลานึ่ง) จากนั้นยกขึ้นนึ่งในน้ำเดือดไฟแรง นานประมาณ 10 – 15 นาที หรือจนสุกจึงยกลง
7. ตักใส่จาน พรมด้วยกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม, ผักชี และพริกขี้หนูสด



เคล็ดลับความอร่อย

สาคูไส้หมูจะอร่อยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ “ตัวไส้” ที่จะต้องมีรสชาติกลมกล่อม ออกเค็มนำแล้วหวานตาม และสาคูนั้นจะต้องจับตัวกันเหนียวพอดี ไม่ใช่เหนียวหนึบหนับเสียจนติดเหงือกติดฟันเวลาเคี้ยว นอกจากไส้หมูแล้ว ตัวไส้สามารถปรับเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นแทนได้ เช่น ไก่ กุ้ง ปลา หรือผัก ฯลฯ
ขณะผัดไส้ต้องใจเย็นๆ ค่อย ๆ ผัดไปเรื่อย ๆ จนไส้จับตัวกันเหนียวดี หัวไชโป๊ที่นำมาใช้ ถ้าเค็มมากควรล้างน้ำก่อน เพื่อลดความเค็มแล้วจึงค่อยสับ ถั่วลิสงที่นำมาใช้จะต้องคั่วให้สุกหอมก่อนโขลก และจะต้องโขลกไม่ให้ละเอียดหรือหยาบเกินไป ถ้าโขลกถั่วละเอียดเกินไป เวลารับประทานจะไม่รู้สึกว่ามีถั่วผสมอยู่ นอกจากนี้สาคูควรจะต้องมีสัดส่วนของแป้งและไส้ที่สัมพันธ์กัน ไม่ใช่แป้งมากไส้น้อย หรือแป้งน้อยแต่ใส่ไส้มากจนแป้งทะลุ
การปั้นสาคูนั้นควรจุ่มมือในน้ำทุกครั้งที่แผ่แป้ง เพื่อกันไม่ไห้แป้งติดมือ ถ้าปั้นไส้เตรียมไว้ก่อน ก็จะช่วยให้เราปั้นสาคูได้เร็วขึ้น และพยายามอย่าปั้นให้ลูกโตมากนัก เพราะเวลานึ่งสุกแล้วสาคูจะขยายตัวขึ้นมาอีก
สาคูไส้หมูที่ดีเมื่อนึ่งสุกแล้วสาคูจะต้องใส ถ้ามีจุดขาวขุ่น ๆ อยู่ในตัวแป้งแสดงว่าแป้งยังดิบอยู่ ในการนึ่งสาคูนั้นจะต้องนึ่งด้วยน้ำเดือดไฟแรง โดยใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาทีก็จะสุก (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของสาคูด้วย)

กล้วยแขก หรือกล้วยทอด

กล้วยแขก เป็นขนมไทยชนิดหนึ่งซึ่งปรุงโดยการนำกล้วยมาตัดเป็นแผ่นหรือหั่นคริ่ง แล้วมาชุบน้ำแป้งซึ่งมีส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้า, มะพร้าวขูด, งา (นิยมนำมาคั่วก่อนเพื่อเพิ่มความหอม), น้ำตาล และกระทิ เป็นต้น แล้วจึงนำไปทอดในกระทะที่มีน้ำมันร้อน


คนไทยนิยมรับประทานกล้วยแขกเป็นอาหารว่าง กล้วยแขกนั้นมีให้เห็นตั้งขายอยู่ตามฟุตบาท หรือริมถนนในแหล่งชุมชนทั่วไป


ส่วนผสม
  • กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี, หรือประมาณ10-12 ผล
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
  • แป้งสาลี 1/4 ถ้วยตวง
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (หรืออาจเพิ่มได้ตามความชอบ)
  • มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำปูนใส 1/4 ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
  • ใบเตย 3-5 ใบ, ล้างให้สะอาดแล้วหั่นครึ่ง
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 3 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. นำกล้วยน้ำว้ามาปอกเปลือกและฝานตามยาวเป็นชิ้นบางๆ โดยหนึ่งลูกควรหั่นให้ได้อย่างน้อย 3 หรือ 4 ชิ้น2. นำแป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, เกลือ, ผงฟู, น้ำตาลปี๊บ, งาขาวคั่ว, มะพร้าวขูด, น้ำปูนใสและหัวกะทิ ผสมเข้าด้วยกันในชามขนาดใหญ่ คนจนแป้งและน้ำตาลปี๊บละลายดี และจนส่วนผสมทั้งหมดเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ และนำไปตั้งบนไฟค่อนข้างแรง รอจนน้ำมันเดือด จึงใส่ใบเตยลงไปทอดก่อนให้น้ำมันหอม จากนั้นตักออก
4. นำกล้วยที่หั่นเตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงชุบแป้งที่ผสมเตรียมไว้ หยิบชิ้นกล้วยที่ชุบแป้งติดทั่วทั้งชิ้นใส่ลงทอดในกระทะ ทอดจนเหลืองสุกและกรอบ (กล้วยที่สุกดีแล้วจะลอยขึ้น) ให้กลับชิ้นกล้วยระหว่างที่ทอดด้วย จากนั้นจึงตักกล้วยออกมาสะเด็ดน้ำมัน
5. นำกล้วยที่ทอดแล้วมาจัดใส่จาน และเสริ์ฟเป็นของว่างทานเล่น

เคล็ดลับ : กล้วยแขกที่มีรสชาติอร่อยนั้นนิยมใช้กล้วยน้ำว้าที่ไม่ดิบ หรือสุกจนเกินไปมาทำ และเวลาทอดให้ทอดในน้ำมันร้อน ๆ เมื่อกล้วยทอดสุกจะเป็นสีเหลืองทองน่ารับประทาน รสชาติของกล้วยแขกที่ได้จะมีความหวานมันหอม มีความกรอบของแป้งที่หุ้มอยู่ภายนอก ส่วนภายในก็จะนุ่มไปด้วยเนื้อกล้วย
หมายเหตุ : กล้วยที่ทำกล้วยแขกอร่อยกว่ากล้วยน้ำว้า คือ กล้วยนางญา (หรือกล้วยนางพญา) ของภาคใต้ ถ้าไม่มีอาจใช้กล้วยชนิดอื่น เช่น กล้วยไข่, กล้วยหอม หรือกล้วยน้ำว้ามาแทนได้ หรืออาจจะใช้ เผือก และมันเทศมาทอดแทนกล้วยก็ได้ แต่สำหรับเผือกและมันเทศนั้นหลังจากที่ปอกเปลือกเสร็จ ให้แช่น้ำเอายางออกเสียก่อน แล้วจึงหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 0.5-1เซนติเมตร

Friday, January 28, 2011

ไข่พะโล้

พะโล้ เป็นชื่ออาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยไข่ต้ม เต้าหู้ หมู และใช้ลูกโป๊ยกั้ก อบเชย และเครื่องเทศอื่น ๆ มาตำเคล้าคลุกให้เข้ากันดี และเคี่ยวจนน้ำแห้ง   อาจจะใช้เป็ดหรือห่านเป็นโปรตีนหลัก  พะโล้จะมีรสชาติออกหวานและเค็ม  เป็นรสชาติที่ได้มาจากการเคี่ยวน้ำตาลปี๊บกับซีอิ๊วและน้ำปลา  โดยมีชื่อเรียกตามชนิดของโปรตีนที่ใส่ลงไป  เช่น ไข่พะโล้ เป็ดพะโล้ หรือหมูพะโล้ เป็นต้น

 ส่วนผสม
  • ไข่ไก่ 7 ฟอง หรือจะใช้ไข่เป็ดก็ได้  (ในที่นี้หาซื้อไข่เป็ดไม่ได้ก็เลยมาใช้ไข่ไก่แทน)
  • หมูสามชั้น 500 กรัม
  • เต้าหู้เป็นชิ้นขนาดลูกเต๋าทอดให้พองประมาณ 10 ชิ้น หรือไม่ใส่ก็ได้
  • ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ ปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊ป 250 กรัม
  • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • โป๊ยกั๊ก 3 ดอก
  • อบเชยยาว 2 นิ้ว 2 ท่อน
  • ยี่หร่า 1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชี  1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมกลีบใหญ่ 3 กลีบ ปอกเปลือก
  • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
  • ผักชี 2 ต้น ซอยหยาบๆ สำหรับตกแต่งหน้า
วิธีทำ

1. ล้างไข่ไก่ให้สะอาด  ใส่น้ำและเกลือป่นลงไปในหม้อ  นำไปตั้งไฟปานกลาง  นำไข่ไก่ที่ได้ลงไปต้มจนไข่สุกแข็ง ใช้เวลาประมาณ 10-12 นาที  จากนั้นยกลง รินน้ำทิ้ง  นำไข่ที่สุกแล้วลงไปแช่ในน้ำเย็นแล้วปอกเปลือก  (การใส่เกลือป่นเล็กน้อยลงไปด้วยขณะต้มไข่  จะทำให้เปลือกไข่ร่อนดี และสะดวกเวลาปอกเปลือก)2. ล้างเนื้อหมูสามชั้นให้สะอาด  จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมหนาประมาณ 1.5-2 นิ้ว เตรียมไว้
3. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเม็ด รวมกันให้ละเอียด
4. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง เอาน้ำมันใส่ลงในกระทะ  รอจนน้ำมันเริ่มร้อน จึงนำรากผักชี กระเทียมและพริกไทยที่โขลกไว้ใส่ลงไปในกระทะผัดให้หอม
5. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปผัดให้ละลายเข้ากัน  ตามด้วยเนื้อหมูสามชั้นที่เตรียมไว้  ไข่ไก่ น้ำปลา ซีอิ๊วดำ  ซีอิ๊วขาว  ผัดให้เข้ากัน
6. ตักใส่หม้อ ใส่น้ำเปล่า 1.5 ลิตร โป๊ยกั๊ก อบเชย ยี่หร่า  รอจนน้ำพะโล้เริ่มเดือด   พอเดือดทั่วแล้วจึงลดไฟลงเหลือไฟอ่อน  เคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 45 นาที  หลังจากนั้นก็ปิดเตาและยกลง ในกรณีที่ใส่เต้าหู้ทอดลงไปด้วย ให้ไส่ก่อนที่จะยกลงประมาณ 15 นาที
7. ตักใส่ถ้วย  ตกแต่งหน้าด้วยผักชีซอย จัดเสริ์ฟ

ข้าวมันไก่ทอด

ก่อนหน้านี้หลังจากที่ได้มีการนำเสนอสูตรข้าวมันไก่แบบต้มไปแล้วนั้น ปรากฏว่ามีคอมเมนท์มาถามถึงวิธีการทำข้าวมันไก่แบบทอด ดังนั้นจึงได้ไปค้นคว้าหาสูตรมาให้ได้ทำรับประทานกัน ส่วนผสมและวิธีการทำข้าวมันไก่ทอดมีง่ายๆ ดังต่อไปนี้


ส่วนผสม
  • เนื้อไก่ส่วนอก 2 ชิ้น (ใช้แบบที่นำกระดูกออกแล้ว)
  • แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
  • ขนมปังป่น 1 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
  • กระเทียมผงเล็กน้อย
  • ผักชีผงเล็กน้อย
  • พริกแดงป่นละเอียดเล็กน้อย
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ

1. นำเนื้อไก่มาล้างน้ำให้สะอาด ถ้าเนื้อไก่ที่ใช้มีความหนามาก ให้แล่เนื้อไก่เป็นชิ้นตามยาวให้มีความหนาประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร จากนั้นนำไปใส่ลงในถ้วยผสม
2. ใส่ซีอิ้วขาว, ซอสปรุงรส, น้ำมันหอย, น้ำตาลทราย, พริกไทย, กระเทียมผง, ผักชีผง และพริกแดง ลงไปในถ้วยผสม ขยำให้เข้าเนื้อกันดี เสร็จแล้วนำเนื้อไก่ที่ผสมเสร็จไปแช่เย็นสักชั่วโมง หรือถ้ามีเวลาสามารถแช่ไว้ข้ามคืนได้ (จะทำให้ส่วนผสมซึมซับเข้าไปในเนื้อไก่ได้มากขึ้น)
3. ตอกไข่ไก่ใส่ชามแล้วตีให้ฟู ก่อนทอดให้นำเนื้อไก่ที่หมักไว้ออกมาคลุกกับแป้งสาลี ตบเบาๆให้แป้งส่วนเกินร่วงออก จากนั้นนำไก่ลงชุปในไข่ที่ตีแล้ว ท้ายสุดนำไปคลุกบนขนมปังป่นให้ทั่ว
4. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางให้ร้อน พอร้อนได้ที่เอาไก่ลงทอด ใช้เวลาทอดประมาณ 10-14 นาทีจนไก่สุกเหลืองได้ที่ และลอยขึ้นมา ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน รอจัดเสิร์ฟคู่กับข้าวมันและน้ำจิ้ม

 
น้ำจิ้มข้าวมันไก่ทอด

ส่วนผสม
  • พริกชี้ฟ้าแดงเม็ดใหญ่ 4 เม็ด (จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 3 เม็ด จะกรีดตามความยาวของเม็ด ใช้ช้อนขูดเอาไส้และเม็ดออก ส่วนอีกหนึ่งเม็ดที่เหลือจะใส่ลงไปทั้งเม็ด เพื่อให้มีรสเผ็ดพอประมาณ)
  • กระเทียมสด 3 กลีบ (ปอกเปลือก)
  • น้ำกระเทียมดอง ½ -1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย ¼ ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำพริก, กระเทียม, น้ำส้มสายชู, น้ำกระเทียมดอง และเกลือใส่ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้เข้ากันให้ละเอียด
2. เทส่วนผสมที่ได้ลงหม้อ ตั้งบนไฟอ่อน เคี่ยวให้เดือด จากนั้นใส่น้ำตาลลงไป คนจนละลายและเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 10 นาที เพื่อให้น้ำระเหยออกไป จะได้น้ำจิ้มที่มีรสเข้มข้นขึ้นและมีความหนืดในตัวนิดหน่อย
3. ปิดไฟ ยกลง และทิ้งไว้ให้เย็น

วิธีเสิร์ฟข้าวมันไก่ทอด

สับไก่ทอดที่ได้เป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ วางบนข้าวมันที่ได้ (วิธีทำข้าวมันสามารถเข้าไปดูได้ที่ข้าวมันไก่) แต่งหน้าด้วยผักชี เสิร์ฟพร้อมแตงกวาหั่นแฉลบ น้ำจิ้มข้าวมันไก่ และน้ำซุป
 
 

Thursday, January 27, 2011

ข้าวต้มหมูสับ

ข้าวต้ม เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ทำมาจากข้าว โดยวิธีการทำจะคล้าย ๆ กับการหุงข้าวด้วยหม้อปกติ แต่จะแตกต่างกันตรงที่ข้าวต้มจะใส่น้ำมากกว่าการหุงข้าวธรรมดา ระยะเวลาในการทำก็จะใกล้เคียงกับการหุงข้าวธรรมดาหรืออาจจะนานกว่า


ข้าวต้มมีหลายประเภทมีทั้งข้าวต้มขาวและข้าวต้มหมู ในบางประเทศอาจใช้ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ หรือนำข้าวไปต้มในนม ถ้าต้มนานเกินไปจะกลายเป็น“โจ๊ก


โจ๊ก เป็นอาหารที่ทำมาจากข้าวต้มที่ทำให้ละเอียด นิยมรับประทานกันในหลายประเทศในเอเชีย ในบางวัฒนธรรมจะรับประทานโจ๊กเป็นอาหารเช้า หรืออาหารมื้อค่ำแทนอาหารหลักในบางมื้อ โจ๊กสามารถทำได้ทั้งในหม้อธรรมดาหรือหม้อหุงข้าว  บางประเทศก็ถือว่าข้าวต้มและโจ๊กก็คืออาหารชนิดเดียวกัน
ประเภทของข้าวต้ม
•    ข้าวต้มขาว จะเป็นข้าวต้มธรรมดาและไม่มีรสชาติ มักรับประทานกับกับข้าวหลายๆอย่าง เช่น ไข่เค็ม เป็นต้น
•    ข้าวต้มหมู วิธีการหุงจะคล้าย ๆ ข้าวต้มขาว แต่ข้าวต้มหมูจะใส่กระดูกหมูลงไปด้วยทำให้ข้าวต้มหมูมีรสชาติดีกว่า
•    ข้าวต้ม 3 กษัตริย์ เป็นเมนูที่คิดค้นขึ้นโดยรัชกาลที่ 5 ระหว่างเสด็จประพาสต้น วิธีทำเหมือนข้าวต้มหมู แต่ไม่ใส่หมู ใส่ปลาทู, ปลาหมึก และกุ้ง แทน
ในวันนี้เราจะนำเสนอข้าวต้มหมู ซึ่งมีส่วนผสม และวิธีทำดังต่อไปนี้

ส่วนผสม
  • ข้าวหอมมะลิ 2 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า 7 ถ้วยตวง
  • กระดูกหมู 200 กรัม
  • หมูสับ 200 กรัม
  • กระเทียมโขลก 10 กลีบ
  • หอมแดงซอยละเอียด 3-4 หัว
  • คนอร์ก้อนรสหมู ½ ก้อน  หรือผงรสดีรสหมู  1 ½ ช้อนชา
  • ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชี ต้นหอม คื่นช่ายซอยละเอียด อย่างละ  ¼ ถ้วยตวง
  • พริกไทยดำป่น สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ
1. ตั้งหม้อด้วยไฟปานกลางใส่น้ำและกระดูกหมูลงไป  จนน้ำเริ่มเดือด  หากมีฟองขึ้นให้ช้อนฟองทิ้งไป ต้มต่อไปอีกประมาณ 20 นาที
2. ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ใส่ข้าวหอมมะลิลงไป ตามด้วยซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ และคนอร์ก้อนหรือผงรสดีรสหมูลงไป  ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หมั่นคนเป็นระยะๆ ไม่เช่นนั้นข้าวจะไหม้ติดก้นหม้อได้
3. ระหว่างรอข้าวให้สุก  ตั้งกระทะน้ำมันด้วยไฟปานกลางจนร้อน   ใส่หอมแดงซอยลงไปเจียวก่อนจนเหลือง  ตักพักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน
4. ใช้น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมเพื่อเจียวกระเทียม  หลังจากที่กระเทียมเริ่มเหลืองให้ใส่หมูสับ         ลงไปผัดด้วยกัน  ตามด้วยซีอิ้วขาว 1 ช้อนโตีะที่เหลือ ผัดจนหมูสับแห้งและมีสีน้ำตาลเข้ม   จึงตักส่วนผสมที่สุกใส่หม้อต้มข้าว  คนให้เข้ากัน  ต้มต่อไปเรื่อยๆ จนข้าวสุกดี จึงปิดเตา
5. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมเจียว  ผักชี ต้นหอม คื่นช่าย และพริกไทยป่นลงไป
6. เสิร์ฟร้อนๆ ( การทำข้าวต้มชนิดนี้หากทำเสร็จแล้ว  ควรรับประทานทันที หากทิ้งไว้ข้าวจะ เหนียว  และไม่มีน้ำซุปทำให้ไม่อร่อย ) คนให้เข้ากัน ชิมรสหากไม่เค็มให้ใส่ซีอิ้วขาวตามใจชอบ

ทอดมันปลากราย

ทอดมันปลากราย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ของบรรดาคนที่ชอบรับประทานปลาทั้งหลาย นอกจากจะหาทานได้ง่าย และมีขายทั่วไปตามแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่านแล้ว ทอดมันปลากรายยังเป็นอาหารที่สามารถทำทานเองได้ง่ายที่บ้าน หรือว่าถ้าที่ไม่สะดวกจะลงมือทำเอง ก็สามารถหาซื้อแบบที่ปรุงสำเร็จแล้ว แล้วนำมาทอดเอง

การทำทอดมันปลากรายให้อร่อยและน่ารับประทาน มีเคล็ดลับและขั้นตอนการทำ ดังนี้

ส่วนผสม
  • เนื้อปลากรายบดหรือสับละเอียด 300 กรัม
  • น้ำพริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วฝักยาวหั่นละเอียด 1 ถ้วย
  • ใบมะกรูดซอยละเอียด 5 ใบ
  • ไข่ไก่ 1ฟอง
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ ½ ช้อนชา นำมาละลายในน้ำเย็นจัด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ
1. นำเนื้อปลากราย, น้ำพริกแกงเผ็ด, ถั่วฝักยาว, ใบมะกรูดและไข่ไก่มาผสมและนวดให้เข้ากันจนเหนียว
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำตาลทราย และน้ำเกลือ นวดให้เหนียวและเข้ากันอีกครั้ง
3. ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะ ตั้งบนไฟกลาง เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่แล้วลดไฟลงให้เหลือไฟเบา จากนั้นนำทอดมันลงทอด โดยปั้นให้เป็นก้อนกลมขนาดเท่ากับหัวแม่มีอ แล้วแผ่ให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ½ -2 นิ้ว ทอดให้สุกเหลืองทั้ง2ด้าน พอสุกนำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานและรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม


ส่วนผสมของน้ำจิ้ม
  • น้ำจิ้มไก่ ½ ถ้วยตวง
  • แตงกวาลูกเล็ก2 ลูก
  • พริกสดตำละเอียด ½-1 ช้อนชา (แล้วแต่ว่าชอบเผ็ดมากหรือน้อย)
  • ถั่วลิสงคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แล้วแต่ความชอบ)
  • ผักชีหั่นหยาบ 2 ต้น

วิธีทำ
1. นำแตงกวามาล้างน้ำให้สะอาด หลังจากนั้นนำมาผ่าครึ่งตามยาว และซอยบางๆ ตามขวาง
2. นำน้ำจิ้มไก่ใส่ลงไปในถ้วยผสม ตามด้วยแตงกวา, พริกสด, ถั่วลิสง และผักชี คนให้เข้ากัน จากนั้นจัดเสิร์ฟพร้อมทอดมัน
เคล็ดลับ
ให้นำทอดมันที่ผสมเสร็จแล้ว ไปแช่ในน้ำแข็งป่นหรือในตู้เย็นเอาไว้สัก 1 คืน พอรุ่งขึ้นจึงนำมาทอด วิธีนี้จะทำให้ทอดมันพองฟูน่ารับประทาน

ลาบหมูอีสาน

ลาบอีสาน ถือเป็นอาหารอีสานจานเด็ดจานหนึ่งที่เข้าไปรวมอยู่ในเมนูของภัตตาคาร, ห้องอาหาร หรือร้านอาหารดังๆ มากมาย ส่วนร้านอาหารทั่วไปนั้นยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะมีขายกันเกร่อไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารริมทาง, แผงลอยหาบเร่ หรือแม้แต่รถเข็นก็ยังมีอาหารประเภท “ลาบอีสาน” ขายดังที่ได้เห็นกันอยู่โดยทั่วไป วันนี้เราจึงมีเมนูลาบอีสานที่ทำด้วยหมูมานำเสนอ


ส่วนผสม
  • หมูสับ 350 กรัม
  • น้ำซุปไก่ หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
  • ใบสะระแหน่หั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงหั่นบาง ½ ถ้วยตวง
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล ½ ช้อนชา
  • ผักสดสำหรับแกล้ม เช่น กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือ แตงกวา


วิธีทำ

1. ต้มน้ำซุปไก่หรือน้ำเปล่าในหม้อใบเล็ก เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ใส่หมูสับและต้มต่อไปอีก 2 นาที ระหว่างต้มให้ใช้ทัพพีเขี่ยให้หมูแยกออกจากกัน เมื่อหมูสุกดีแล้วจึงปิดไฟ และเทน้ำออก
2. นำหมูที่สุกแล้วไปใส่ในชามขนาดกลาง เติมหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และใบสาระแหน่ (เหลือนิดหน่อยไว้แต่งหน้า) ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, ข้าวคั่ว, พริกป่นและน้ำตาล คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมดูรสชาติตามใจชอบ ถ้าขาดเหลืออะไรให้ใส่เพิ่มเติมลงไป
3. ตักใส่จาน แต่งข้างจานด้วยผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือแตงกวา) โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสริ์ฟพร้อมข้าวเหนียว (หรือข้าวสวย) ร้อนๆ

หมายเหตุ : สำหรับบางคนที่นิยมรับประทานเครื่องในหมู สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำลาบหมูได้ด้วย โดยให้นำเครื่องในมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ และลวกให้สุกก่อนที่จะนำมาผสมรวมกับเครื่องปรุงในการทำลาบหมูต่างๆ

ผัดซีอิ้วหมูหรือไก่ (Pad See Ew Mu Or Kai)



= Stir soy sauce pork or chicken =

การเตรียมเครื่องปรุง
1.หมูหรือไก่หั่นบางๆ 9~10 ชิ้น
2.กระเทียมสดตำหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมันพืช 1 ทัพพี
4. ซอลหอยนางรม 1/2 ทัพพี
5. ชูรส 1 ช้อนชา
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
8. ผักคะน้าหั่น 2 ต้น
9. เส้นใหญ่ก๋วยเตี๋ยว 1~2 ขีด
10.ซีอิ้วขาว 1/2 ทัพพี
11.ซีอิ้ดำ 1 ช้อนโต๊ะ
10. ใข่ไก่ดิบ 1 ฟอง
วิธีการปรุง
1. นำน้ำมันใส่กะทะรอให้น้ำมันร้อน
2. ใส่กระเทียมที่ตำเจียวให้หอม
3. ใส่หมูหรือไก่ ผัดให้สุก
4.  ใส่ซีอิ้วขาว
5. ใส่ซอลหอยนางรม
6. ใส่ผงชูรส น้ำปลา น้ำตาลทราย
7. ใส่ผักคะน้า ผัดให้เข้ากันจนกว่าคะน้าจะสุก
8. ใส่ก๊วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ตามด้วยซีอิ้วดำ ผัดเข้าด้วยกัน
9.  ใส้ใข่ ตีใข่แดงให้แตก ผัดเข้าด้วยกัน (ถ้าต้องการรสไหนใส่เติมได้เลย)
       แค่นี้ผัดซีอิ้วก็เสร็จแบบ Style นายอร่อย สนนราคาอยู่ที่ 25~30 บาท
                                       ขอบคุณมากครับ
  

Wednesday, January 26, 2011

วิธีการทำมะระยัดไส้หมูหรือไก่(Mara Jus Sin Mu Or Kai) สำหรับ 15~20 ท่าน


การเตรียมเครื่องปรุง
1. หมูบดหรือไก่ 11/2 กิโลกรัม
2. ลูกมะระขนาดใหญ่ตัดความยาว 2~3 นิ้ว จำนวน 15~20 ท่อนจากนั้นนำเมล็ดที่อยู่ในมะระออกให้หมดและล้างน้ำให้สะอาด
3. ซีอิ้วขาว 1 ขวดใหญ่
4. รสดี 2 ซองเล็ก
5. ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
6. วุ้นเส้นสำเร็จ 1 กิโลกรัม
วิธีการทำไส้มะระ ( ไส้ในที่นี้หมายถึง หมูหรือไก่บดที่ผสมวุ้นเส้นคุกเข้าด้วยกัน)
1. นำวุ้นเส้นมาผสมกับหมูบดหรือไก่
2. ใส่ซีอิ้วขาวประมาณ 5~6 ช้อนโต๊ะ
3. ใส่รสดี 1 ซอง
4. คุกให้เข้ากัน
5. นำไส้มะระที่คุกเข้ากันแล้วมายัดไส้เข้าไปในมะระ (ถ้าไส้เหลือปล่อยทิง้ไว้)
วิธีการปรุง
1. นำน้ำใส่หม้อเบอร์ 36 ประมาณ 1/2 หม้อต้มน้ำให้เดือด
2. ใส่ซีอิ้วขาว 1/2 ขวดใหญ่
3. ใส่รสดีอีก 1 ซอง
4. ใส่ผงชูรส และทิ้งไว้ให้น้ำเดือด
5. นำมะระที่ยัดไส้แล้วลงไปในหม้อทั้งหมด ต้มรอจนกว่ามะระสุก
6.  เทไส้ที่เหลือลงไปในหม้อทั้งหมดแล้วต้มให้สุก
ทั้งหมดแค่นี้ก็จะได้มะระยัดไส้ Style นายอร่อยแล้ว ตักมะระใส่ชาม 1 ชิ้น สนนราคาอยู่ที่ชามละ 25~30 บาท
                                             ขอบคุณมากครับ

Monday, January 24, 2011

สูตรอาหาร - ขนมจีนน้ำยากะทิ - Kanom Chine


ส่วนผสม
  1. พริกแห้ง 50 กรัม
  2. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
  3. กระเทียม 100 กรัม
  4. คั้นหัวกะทิ 2 ถ้วย หาง 8 ถ้วย
  5. ตะไคร้ 50 กรัม
  6. น้ำปลา 1/2 ถ้วยตวง
  7. ปลาช่อน 1 กิโลกรัม
  8. น้ำปลาร้าหรือ 1/2 ถ้วยตวง
  9. หัวหอม 100 กรัม
  10. ปลาอินทรีย์เค็ม 1/4 ถ้วยตวง
  11. ข่า 2 ช้อนโต๊ะ
  12. ขนมจีน 2 กิโลกรัม
  13. กระชาย 500 กรัม
  14. น้ำสำหรับต้มปลา 6 ถ้วยตวง
วิธีทำ
  1. เตรียมเครื่องน้ำพริกทั้งหมดลงต้มพร้อมน้ำเปล่า พอเดือดใส่ปลาที่ล้างสะอาดแล้วลงต้มให้สุก
  2. ตักเครื่องน้ำพริกและปลาขึ้น แกะก้างและหนัง โขลกเนื้อปลาให้ละเอียดพักไว้
  3. โขลกเครื่องน้ำพริกที่ตักขึ้นพักไว้ให้ละเอียด
  4. ใส่น้ำต้มปลาละลายเครื่องน้ำพริก กรองเอาแต่น้ำพริกข้น ๆ ไม่ใช้กาก ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้งจนน้ำพริกสีจาง
  5. ใส่น้ำพริกผสมกับหัวกะทิตั้งไฟพอเดือด ใส่เนื้อปลา เติมหางกะทิ น้ำปลา น้ำปลาร้า เคี่ยวไฟอ่อน จนน้ำยาเริ่มข้น ชิมรส
  6. รับประทานกับผักเหมือด เช่น ถั่วงอก ผักกาดดอง ถั่วฝักยาว ผักกระเฉด พริกป่น ไข่ต้ม ฯลฯ

วิธีการทำต้มยำซุปเปอร์(ขาไก่) Tomyum-Kakai Style นาย อร่อย


การเตรียมเครื่องปรุง
1. ขาไก่ 1 กิโลกรัม
2. ตะไคร์หั่นหยาบ 1/2 ขีด
3. ข่าหั่นหยาบ 4~5 ชิ้น
4. ใบมะกรูด 4~5ใบ
5. หอมแดงปลอกเปลือกทุบ 4~5 หัว
6. รสดีรสต้มยำ 1 ซองเล็ก
7. ชูรส 1~2 ช้อนชา
8. น้ำปลา 2~3 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมะนาว 3~ 4 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำมะขามเปียก 7~8 ช้อนโต๊ะ
11.พริกป่น 1~2 ช้อนโต๊ะ
12. พริกขี้หนูสดตำหยาบ 2~3 ช้อนโต๊ะ
13. ใบโหระพา 10~15 ใบ
วืธีการปรุง
1. ใส่น้ำในหม้อเบอร์ 32 ประมาณ 1/2 หม้อต้มให้เดือด
2. ใส่ตะไคร้,ข่า,ใบมะกรูด,หอมแดง ทั้งหมดที่เตรียมไว้ ทิ้งไว้ให้น้ำเดือด
3. ใส่ขาไก่ที่เตรียมไว้ต้มจนขาไก่ยุ้ย
4. ใส่รสดีชูรส
5. ใส่น้ำมะขามเปียก
6. นำถ้วยชามมาวางไว้และใส่โหระพา พริกป่น พริกขี้หนู น้ำปลา มะนาว ทั้งหมดลงไปในชาม
7. ตักต้มยำซุปเปอร์ลงไปในชามแล้วลองชิมดู เผ็ด เปี้ยว เค็ม ชอบรสไหนก็เพิ่มลงไปได้เลย
แค่นี้ก็อันเป็นเสร็จแล้วต้มยำซุปเปอร์ Style นายอร่อย สนนราคาอยู่ที่ชามละประมาณ 30~35 บาท

ขอบคุณมากครับ

Sunday, January 23, 2011

ราดหน้ารวมมิตรเจ


= ส่วนผสม =
 1.น้ำมันพืช  - 3  ช้อนโต๊ะ 
2.เส้นหมี่แช่น้ำ หั่นยาวพอประมาณ - 2  ถ้วยตวง 
3.ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้  -  5  ช้อนโต๊ะ 
4.น้ำมันพืชสำหรับผัด  - 3  ช้อนโต๊ะ 
5.ฟองเต้าหู้แช่น้ำ หั่นชิ้นพอคำ - 1/4  ถ้วยตวง
6.เต้าหู้แข็ง หั่นชิ้นพอคำ - 1/4  ถ้วยตวง 
7.เห็ดหอมแช่น้ำ หั่นเป็นเส้นๆ -  1/4  ถ้วยตวง
8.ดอกข้าวโพดอ่อน ผ่าซีก  - 5  ดอก
9.ถั่วลันเตา - 10  ฝัก
10.กะหล่ำปลี หั่นชิ้นพอคำ - 1/4  ถ้วยตวง
11.แครอท หั่นชิ้นพอคำ - 1/4  ถ้วยตวง 
12.ดอกกะหล่ำ หั่นชิ้นพอคำ - 1/4  ถ้วยตวง
13.แป้งข้าวโพด - 2  ช้อนโต๊ะ 
14.น้ำเปล่า - 1/4  ถ้วยตวง 
15.น้ำตาลปึก - 1  ช้อนโต๊ะ

= วิธีทำ =
1. สูตรอาหารราดหน้ารวมมิตรเจนั้น เริ่มจากการผัดเส้นหมี่กับน้ำมันพืช ปรุงรสด้วยซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ ผัดให้เข้ากัน ตักขึ้นใส่จานพักไว้
2. ขั้นตอนต่อมาก็ใส่น้ำมันพืชลงกระทะ ตามด้วยเต้าหู้ เห็ดหอม ฟองเต้าหู้ ผัดจนสุก แล้วใส่ดอกข้าวโพด แครอท ถั่วลันเตา ดอกกะหล่ำ และกะหล่ำปลี ผัดจนสุก
3. ปรุงรสด้วย ซอสปรุงอาหารตราแม็กกี้ ที่เหลืออีก 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำตาลปึก ชิมรสตามชอบ แล้วผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่า ใส่ลงไปในส่วนผสมคนให้เข้ากันจนแป้งสุก ยกลงราดบนเส้นหมี่ที่เตรียมไว้ แค่นี้คุณก็จะได้สูตรอาหารเมนูเจรสเลิศไปรับประทานกันแล้ว


แกงส้มกุ้ง

ส่วนผสม & เครื่องปรุง : น้ำซุปโพแทสเซียม, เครื่องแกงส้ม (ต้องไม่ใส่กะปิ), น้ำมะขาม, ซีอิ๊วขาว,
น้ำตาลโตนด, ผักสดแล้วแต่ชอบ เช่น ยอดมะพร้าว, ผักบุ้งไทย, กะหล่ำปลี, ดอกกระหล่ำ ฯลฯ

วิธีทำ : นำน้ำซุปโพแทสเซียมใส่หม้อ ละลายเครื่องแกงก่อนที่จะตั้งเตา (ถ้าละลายในน้ำเดือดจะจับตัวเป็นก้อน) ตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสตามชอบ (ควรลดเค็มและหวาน) ใส่ผักลงไป ชิมรสอีกครั้ง เพราะน้ำในผักจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไปเล็กน้อย


น้ำซุปโพแทสเซียม
สำหรับใช้เป็นน้ำแกงปรุงอาหาร
ส่วนผสม & เครื่องปรุง : 

น้ำสะอาด 20 ลิตร
หอมใหญ่ 1/2 กก.
แครอทขนาดกลาง 1/2 กก.
มันฝรั่ง 1/2 กก.
หัวไชเท้า 1/2 กก. (จะใส่หรือไม่ก็ได้ บางคนบอกว่าจะไปล้างยา)

วิธีทำ : ต้มน้ำให้เดือด นำผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อต้มให้เดือด 15 นาที จากนั้นเคี่ยวไปประมาณ 2 ชั่วโมง ไฟกลางๆ เมื่อได้ที่แล้วทิ้งให้เย็น กรองเอากากออก นำน้ำซุปที่ได้แบ่งใส่ถุง แช่ช่องแข็งไว้ใช้ทำอาหารต่อไป